2058 จำนวนผู้เข้าชม |
| การประกันภัยค้ำจุนในสัญญาประกันภัย การประกันภัยค้ำจุน หรือที่รู้จักคุ้นเคยในชื่อว่า
ร่างกายของบุคคลอื่น การประกันภัยค้ำจุนส่วนใหญ่จะนิยมทำกันอยู่ใน "ประเภทการประกันภัยรถยนต์ " ส่วนประเภทการประกันภัยอื่น เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นลำดับ ดังเช่นในการ
| ความหมายของการประกันภัยค้ำจุน | ||
| ข้อแตกต่างที่สำคัญจากสัญญาประกันภัยอื่น สัญญาประกันภัยค้ำจุน หรือการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกมีข้อแตกต่างที่สำคัญ จากสัญญาประกันภัยอื่นทั่วไป ดังนี้ - เป็นสัญญาประกันภัยที่กำหนดให้ผู้รับประกันภัยรับผิดในนามของผู้เอาประกันภัยสัญญาประกันภัยค้ำจุนเป็นสัญญาที่กำหนดให้ผู้รับประกันภัยต้องรับผิดใน นามของผู้เอาประกันภัย อันเนื่องมาจากการกระทำผิดของ ผู้เอาประกันภัยต่อบุคคลภายนอก | ข้อแตกต่างที่สำคัญจากสัญญาประกันภัยอื่น - มีวัตถุที่เอาประกันภัยเป็นความรับผิดตามกฎหมายสัญญาประกันภัยอื่นทั่วไปนั้น ผู้เอาประกันภัยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ผู้รับประกันภัยคุ้มครองความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้น แก่ทรัพย์สินหรือชีวิตร่างกายที่ตนเองมีส่วนได้เสียอยู่โดยมีวัตถุที่เอาประกันภัย คือ ทรัพย์สินหรือชีวิตร่างกายของผู้เอาประกันภัย ขณะที่สัญญา ประกันภัย ค้ำจุน วัตถุประสงค์ของผู้เอาประกันภัยต้องการให้ผู้รับประกันภัยเข้ามาคุ้มครองความรับผิดตามกฎหมายของตน เวลาที่ไปก่อให้เกิดความเสียหาย แก่บุคคลอื่นใดไม่ว่าจะเป็นแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย หรือกระทั่งความสูญเสีย หรือ ความเสียหายแก่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอกนั้นก็ตามดังนั้น วัตถุที่เอาประกันภัย คือความรับผิดตามกฎหมาย นั่นเอง | ข้อแตกต่างที่สำคัญจากสัญญาประกันภัยอื่น - เป็นความรับผิดตามกฎหมายที่กำหนดให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบโดยหลักกฎหมายจะบัญญัติให้บุคคลต้องใช้สิทธิของตนโดยสุจริต และมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามที่กฎหมายเหล่านั้นบัญญัติไว้มิฉะนั้นแล้วบุคคลนั้นอาจมีความรับผิดตามกฎหมายขึ้นมาได้ ดังนั้น หากผู้เอาประกันภัย ละเลย หรือทำหน้าที่ตามกฎหมายของตนไม่ดีพอ เมื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอก ตนก็จ าต้องรับผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ด้วย "ตัวอย่างเช่น ผู้ว่างจ้างทำของซึ่งผู้เอาประกันภัยมีหน้าที่ต้องใช้ความระมะดระวังในการคัดเลือกผู้รับเหมาดังกล่าว หรือในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือคำสั่งที่ตนให้ไว้ ดังที่ บัญญัติไว้ในประมวลกกหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 428 หรือผู้เอาประกันภัยซึ่ง เป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้างที่ต้องบำรุงรักษาสิ่งปลูกสร้างนั้น ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฏ หมายแพงพาณิชย์ มาตรา 434 หรือผู้เอาประกันภัยซึ่งเป้นผู้ใช้รถยนต์มีหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควร งที่บัญญัติไว้ในประมวลกฏหมายแพงพาณิชย์ มาตรา 437 เป็นต้น | ข้อแตกต่างที่สำคัญจากสัญญาประกันภัยอื่น - ผู้รับประกันภัยมีหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่เกินกว่าความรับผิดของตนภาระผูกพันตามสัญญาประกันภัย หรือตามกรมธรรม์ประกันภัยของผู้ รับประกันภัยจำกัดอยู่เพียง ไม่เกินจำนวนเงินเอาประกันภัยที่ได้ตกลงกันไว้กับผู้เอาประกันภัยเท่านั้น - ผู้เอาประกันภัยยังจำต้องรับผิดในเงินที่ขาดอยู่เมื่อค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับมาจากผู้รับประกันภัยนั้นไม่เพียงพอแก่ความเสียหายที่เกิดขึ้น บุคคลภายนอก ผู้เสียหายมีสิทธิที่จะเรียกร้องให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดในจำนวนเงินที่ขาดอยู่ได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกผู้เสียหายมิได้เรียกผู้เอาประกันภัยเข้ามาในคดี ที่ฟ้องเรียกร้องให้ผู้รับประกันภัยรับผิด | ||
| ข้อแตกต่างจากหลักการรับช่วงสิทธิ การประกันภัยค้ำจุนหรือการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายต่อบุคคลภายนอกแตกต่างจากการรับช่วง สิทธิตรงที่ว่า สำหรับการประกันภัยความรับผิดตามกฎหมายนั้น ผู้เอา ประกันภัยเป็นผู้ที่กระทำความผิดต่อบุคคลภายนอกเสียเอง หรือผู้เอาประกันภัยจำต้องรับผิดแทนบุคคลอื่นตามบทบัญญัติของกฎหมาย เช่น ลูกจ้างกระทำผิดใน ทางการที่จ้าง นายจ้างต้องรับผิดแทน ตัวการต้องรับผิดในการกระทำละเมิดของตัวแทน หรือบิดามารดารับผิดในการกระท าของบุตรผู้เยาว์ เป็นต้น ในการไปสร้างความเสียหายให้แก่บุคคล ภายนอกจึงให้ผู้รับประกันภัยของตนมาค้ำจุน ให้ด้วยการไปชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บุคคลภายนอกนั้นในนามของตนเองแทน | ข้อแตกต่างจากหลักการรับช่วงสิทธิ ส่วนการรับช่วงสิทธิเป็นกรณีกลับกัน คือ บุคคลภายนอกมาทำความเสียหายให้แก่ผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นความรับผิดตามกฎหมายของบุคคลภายนอกที่จะต้อง ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยนั้น แต่ผู้เอาประกันภัยเลือกที่จะไม่ไปเรียกร้องเอาจากบุคคลภายนอกนั้นเอง โดยที่เลือกไปเรียกร้องเอาจากผู้รับประกันภัยของ ตน ให้ทำการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ตนแทน เช่นนี้ กฎหมายให้สิทธิแก่ผู้รับประกันภัยในการสวมสิทธิของผู้เอาประกันภัยนั้นไปเรียกค่าสินไหมทดแทนที่ตนได้จ่ายไป แล้วกลับคืนมาจากบุคคลภายนอกผู้กระทำความผิดนั้น 'ตัวอย่าง เช่น รถยนต์ของบุคคลภายนอกโดยประมาทเลินเล่อเสียหลักแล่นไปชนท้ายนถของผู้เอาประกันภัยได้รับ ความเสียหายเมื่อผู้เอาประกันภัยเรียกให้ผู้รับประกันภัยของตนภายใต้กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ซึ่งให้ความคุ้มครองแก่รถยนต์คันนั้นอยู่มาชดใช้มาชดใช้สินไหมทดแทนแก่ ตนแล้วผู้รับประกันรายนั้นก็สามารถรับช่วงสิทธิ์ ของผู้เอาประกันภัยนั้นไปเรียกร้องคาสินไหมทดแทนที่ตนได้ จ่ายไปกลับคืนมาจากบุคคลภายนอกผู้กระทำดังกล่าว เป็นต้น" | ข้อแตกต่างจากสัญญาประกันภัยเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอก จากบทบัญญัติในกฎหมายมาตรานี้จะเห็นได้ว่าคล้ายคลึงกับสัญญาประกันภัยค้ำจุนเพราะบุคคลภายนอกเป็นผู้มีสิทธิจะได้รับชำระหนี้เหมือนกัน หากแต่สัญญาประกันภัยค้ำจุน มีข้อแตกต่างกับสัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 นี้ ในข้อที่ว่าผู้รับประกันภัยตกลง จะใช้ค่า สินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยเป็นทำนองชดใช้แทนผู้เอาประกันภัย เป็นสัญญาเพื่อประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย จึงมิใช่สัญญาเพื่อประโยชน์ของบุคคล ภายนอกเพราะบุคคลภายนอกผู้ที่ได้รับความเสียหายย่อมมีสิทธิได้รับค่าสินไหมทดแทนอยู่แล้ว | ||
| ||